วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

หิริโอตัปปะ

หิริ คือ ความละอายต่อบาป ถึงไม่มีใครรู้แต่นึกกินแหนงแคลงใจ ไม่สบายใจ เป็นความรู้สึกรังเกียจ เห็นบาปเป็นของสกปรก จะทำให้ใจของเราเศร้าหมอง จึงไม่ยอมทำบาป
โอตตัปปะ คือ ความเกรงกลัวต่อบาป เป็นความรู้สึกกลัว กลัวว่าเมื่อทำไปแล้วบาปอาจจะส่งผลเป็นความทุกข์ทรมานแก่เรา จึงไม่ยอมทำบาป

 เหตุที่ทำให้เกิดหิริ
๑. คำนึงถึงความเป็นคน หรือชาติตระกูล “เรานี่มีบุญอุตส่าห์ได้เกิดเป็นคนแล้ว ทำไมจึงจะมาฆ่าสัตว์ ทำไมต้องมาขโมยเขากิน นั่นมันเรื่องของสัตว์เดียรัจฉาน ทำไมต้องมาแย่งเมีย ไม่ใช่หมูหมากาไก่ในฤดูผสมพันธุ์นี่ เรานี่มันชาติคน เป็นมนุษย์สูงกว่าสัตว์ทั้งหลายอยู่แล้ว” พอคำนึงถึงชาติตระกูล หิริก็เกิดขึ้น
๒. คำนึงถึงอายุ “โธ่เอ๋ย เราก็แก่ปานนี้แล้ว จะมานั่งเกี้ยวเด็กสาวๆ คราวลูกคราวหลานอยู่ได้อย่างไร โธ่เอ๋ย เราก็แก่ปานนี้แล้วจะมานั่งขโมยของเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานได้อย่างไร” พอคำนึงถึงวัย หิริก็เกิดขึ้น
๓. คำนึงถึงความดีที่เคยทำ “ดูซิ เรามีความองอาจกล้าหาญ ทำความดีมาก็มากแล้ว ทำไมจะต้องมาทำความชั่วเสียตอนนี้ล่ะ ไม่เอาละ ไม่ยอมทำความชั่วละ” พอคำนึงถึงความดีเก่าก่อน หิริก็เกิดขึ้น
๔. คำนึงถึงความเป็นพหูสูต “ดูซิ เราก็มีความรู้ขนาดนี้แล้ว รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว รู้ว่าอะไรควรทำ รู้สารพัดจะรู้แล้วจะมาทำความชั่วได้อย่างไร” พอคำนึงถึงความเป็นพหูสูต หิริก็เกิดขึ้น
๕. คำนึงถึงพระศาสดา “เราเองก็ลูกพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงเหนื่อยยาก ตรัสรู้ธรรมแล้วทรงสั่งสอนอบรมพวกเราต่อๆ กันมา เราจะละเลยคำสอนของพระองค์ ไปทำความชั่วได้อย่างไร” พอคำนึงถึงพระศาสดา หิริก็เกิดขึ้น
๖. คำนึงถึงครูอาจารย์ สถานศึกษา “ฮึ เราก็ศิษย์มีครูเหมือนกัน ครูอาจารย์สู้อบรมสั่งสอนมา ชื่อเสียงสถาบันของเราก็โด่งดังเป็นที่ยกย่องสรรเสริญแล้วเราจะมาทำชั่วได้อย่างไร” พอคำนึงถึงครูอาจารย์ สำนักเรียน หิริก็เกิดขึ้น

เหตุที่ทำให้เกิดโอตตัปปะ
๑.กลัวคนอื่นติ “นี่ถ้าเราขืนไปขโมยของเขาเข้า คนอื่นรู้คงเอาไปพูดกันทั่ว ชื่อเสียงที่เราอุตส่าห์สร้างมาอย่างดี คงพังพินาศหมดคราวนี้เอง”เมื่อกลัวว่าคนอื่นเขาจะติเอา โอตตัปปะก็เกิดขึ้น จึงไม่ยอมทำบาป
๒.กลัวการลงโทษ “อย่าดีกว่า ขืนไปฆ่าเขาเข้า บาปกรรมตามทัน ตำรวจจับได้ มีหวังติดคุกตลอดชีวิตแน่” เมื่อกลัวว่าบาปจะส่งผลให้ถูกลงโทษ โอตตัปปะก็เกิดขึ้น จึงไม่ยอมทำบาป
๓.กลัวการเกิดในทุคติ “ไม่เอาละ ขืนไปขโมยของเขาอีกหน่อย ต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกายไม่ทำดีกว่า” เมื่อกลัวว่าจะต้องไปเกิดในทุคติ โอตตัปปะก็เกิดขึ้น จึงไม่ยอมทำบาป


 การที่เราเป็นผู้มีหิริโอตัปปะ จะทำให้เรามีความเกรงกลัวที่จะทำบาป ซึ่งสดคล้องกับจริยธรรมข้อที่ 10 เป็นผู้มีศีลห้าบริสุทธิ์ เกรงกลัวต่อการทำบาป และพูดแต่สิ่งที่ดีน่าเชื่อถือ 

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ที่มาของจริยธรรม

แหล่งที่มาของจริยธรรม
ต้องทำตัวยังไงถึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้มีจริยธรรม
ผู้มีจริยธรรมควรจะมีข้อปฎิบัติอย่างไร
กุศลกรรมบถ 10 จริยธรรม
1.ไม่ฆ่า 1.มีความเมตตา
2.ไม่ลักทรัพย์ 2.มีความซื่อสัตย์ สุจริต
3.ไม่ละเมิดทางเพศ 3.มีความนับถือผู้อื่น
4.พูดความจริง 4.ไม่พูดโกหก
5.พูดจาไพเราะ 5.พูดไพเราะอ่อนหวาน
6.พูดให้เกิดความสามัคคี 6.พูดแต่สิ่งที่ดีน่าเชื่อถือ
7.พูดแต่สิ่งดีมีประโยชน์ 7.พูดแต่เรื่องที่ดีมีสาระ
8.ไม่โลภ 8.รู้จักพอประมาณ
9.ไม่คิดจองเวรต่อตนเองและผู้อื่น 9.มีความกรุณา
10.คิดแต่สิ่งดี 10.เป็นผู้มีศีลห้าบริสุทธิ์

คุณค่าของจริยธรรม

คุณค่าของจริยธรรม
1.ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ ด้านกาย วาจา และใจ
2.ช่วยให้มนุษย์รู้จักตนเอง มีความรับผิดชอบ สำนึกในหน้าที่่ที่พึ่งมีต่อครอบครัว สังคม และประเทศชาติ
3.ช่วยให้เกิดสติปัญญา รู้จักใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา
4.ทำให้เกิดความสงบสุข
5.ทำให้อยู่ร่วมกันอย่างมีระเบียบ
6.ทำให้มนุษย์รู้จักปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้
7.ช่วยป้องกันการเบียดเบียนและเอาเปรียบกัน
8.มีความหนักแน่น ขยัน อดทน รู้จักเอาชนะปัญหา
9.ช่วยให้มนุษย์สามารถกำหนดเป้าหมายของชีวิต


แหล่งที่มาของจริยธรรม
ต้องทำตัวยังไงถึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้มีจริยธรรม
ผู้มีจริยธรรมควรจะมีข้อปฎิบัติอย่างไร
1.เป็นคนมีมารยาทดี
2.ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
3.ซื่่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม
4.มีความเพียรพยายาม
5.มีความเมตตา
6.มีความกตัญญู
7.มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
8.มีความประหยัด
9.รู้จักพอ
10.มีความอดทนอดกลั้น
11.มีความเคารพนับถือผู้อื่น ตนเอง
12.มีความกล้าหาญ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง
13.มีความรับผิดชอบ
14.ขยัน หมั่นเพียร
15.รู้จักวางตนให้เหมาะสมกับฐานะ กาลเทศะ
16.พูดจาไพเราะอ่อนหวาน
17.เป็นผู้มีศีลห้าบริสุทธิ์



วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ข้อดีของการมีจริยธรรม

ข้อดีของการมีจริยธรรม
๑. ความมีเหตุผล
นิยาม ความ สามารถในการใช้ปัญญาในการประพฤติปฏิบัติ รู้จักไตร่ตรอง พิสูจน์ให้ประจักษ์ ไม่หลงงมงาย มีความยับยั้งชั่งใจ ไม่ผูกพันตนเองกับอารมณ์และความยึดมั่นส่วนตัวความสามารถในการหาสาเหตุของ สิ่งต่าง ๆ ได้โดยการคิดใคร่ครวญ ไตร่ตรองปัญหาต่าง ๆ ว่ามีต้นตอมามาจากสิ่งใด รวมไปถึงการพิจารณาว่าถ้าทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไปแล้วจะเกิดผลดีหรือผลเสียต่อ ตนเอง และคนรอบข้างอย่างไรบ้าง

ตัวอย่าง 
ใช้กระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล
- ศรัทธาต่อการเข้าให้ถึงความจริงของเรื่องต่าง ๆ
- ไม่ลุ่มหลงเพราะเชื่องมงาย
- ไม่ยึดตนเองหรือบุคคลเป็นใหญ่
- ไม่สรุปอย่างง่าย ๆ โดยไม่ใช้เหตุผลอย่างรอบคอบ
- รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักกาละเทศะ 
๒. ความซื่อสัตย์สุจริต
นิยาม การ ประพฤติปฏิบัติอย่างเหมาะสม และตรงต่อความเป็นจริง ประพฤติปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา ทั้งกาย วาจา ใจ ต่อตนเองและผู้อื่น รวมตลอดทั้งต่อหน้าที่การงานและคำมั่นสัญญา ความประพฤติที่ตรงไปตรงมา และจริงใจในสิ่งที่ถูกที่ควร ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม รวมไปถึงการไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกงและไม่หลอกลวง นอกจากนี้แล้วความซื่อสัตย์สุจริตยังรวมไปถึง การรักษาคำพูดหรือคำมั่นสัญญา และการปฏิบัติหน้าที่การงานของตนเองด้วยความรับผิดชอบ และด้วยความซื่อสัตย์ไม่แสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้องด้วยการใช้ อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งความซื่อสัตย์สุจริตนี้จะดำเนินไปด้วยความตั้งใจจริงเพื่อทำหน้าที่ของ ตนเองให้สำเร็จลุล่วง ด้วยความระมัดระวัง และเกิดผลดีต่อตนเองและสังคม

ตัวอย่าง 
- ซื่อตรงต่อเวลา งาน การนัดหมาย คำมั่นสัญญา ระเบียบประเพณี กฎหมาย
- ไม่พูดปด ฉ้อฉล สับปลับ กลับกลอก ไม่คดโกง
- ไม่ให้ร้ายผู้อื่น
- กล้าที่จะรับความจริง
- ประกอบสัมมาชีพ 
๓. ความอุตสาหะ
นิยาม ความ พยายามอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้งานที่ทำสำเร็จลุล่วง ความมีมานะพยายามในการประกอบการงานที่สุจริตด้วยความขยันขันแข็ง อดทน เอาใจใส่อยู่เป็นนิจและเสมอต้นเสมอปลาย โดยใช้สติปัญญาเพื่อให้งานที่ทำบรรลุผลสำเร็จและได้รับผลดีสูงสุด (สรุปการทำงานด้วยความอดทนไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค)

ตัวอย่าง 
มานะอดทน
- บากบั่น พยายาม ไม่ท้อถอย
- ขยัน
- ไม่ละเลยหรือทอดทิ้งธุระการงานทั้งของตนเองและทั้งที่ได้รับ มอบหมายให้ปฏิบัติ
- พยายามต่อสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรค 
๔. ความเมตตากรุณา
นิยาม เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาจะให้ผู้อื่นเป็นสุข กรุณา คือ ความสงสาร คิดจะช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับความสุข สามารถแสดงออกได้โดยการช่วยเหลือโดยการกระทำ หรือวาจา รวมถึงการไม่คิดร้ายต่อผู้อื่นด้วย

ตัวอย่าง - ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น
- มีอาการทางกาย วาจา ที่แสดงต่อผู้อื่นด้วยความสุภาพ นุ่มนวล
- ช่วยปลอบใจผู้ที่ได้รับความลำบาก
- ไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้เป็นทุกข
์ - แสดงความยินดีเมื่อผู้อื่นได้รับความสุขและความสำเร็จ
- ไม่ข่มขู่ ดูหมิ่น เสียดสี พูดจาด้วยความเกรี้ยวโกรธเคียดแค้น 
๕. ความเสียสละ
นิยาม การ ละความเห็นแก่ตัว การให้ปันแก่ผู้ที่ควรได้รับ ด้วยกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังสติปัญญา รวมทั้งการรู้จักสลัดทิ้งอารมณ์ร้ายในตนเอง ความมีจิตใจกว้างขวาง ช่วยเหลือเกื้อกูล การสละความสุขสบายหรือผลประโยชน์ของตนเอง อันเป็นการกระทำที่เป็นประโยชน์ให้แก่บุคคลอื่นโดยที่ตนเองมิได้หวังผลตอบ แทนความมีจิตใจกว้างขวาง ช่วยเหลือเกื้อกูล การสละความสุขสบายหรือผลประโยชน์ของตนเอง อันเป็นการกระทำที่เป็นประโยชน์ให้แก่บุคคลอื่นโดยที่ตนเองมิได้หวังผลตอบ แทน

ตัวอย่าง 
- บำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม
- ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
- สละ แบ่งปัน ทรัพย์ เครื่องอุปโภค แก่ผู้ที่สมควรได้รับ
- ช่วยแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา
- ช่วยเพิ่มพูนความรู้ใหม่แก่ผู้อื่นตามกำลังสติปัญญา 
๖. ความสามัคคี
นิยาม ความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การร่วมมือกันทำกิจการให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีความพร้อมเพรียง หรือความปรองดองกัน 

ตัวอย่าง 
- รักหมู่คณะ มีใจหวังดี
- มองคนอื่นในแง่ดีเสมอ
- เข้ามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกิจการของส่วนรวม
- เป็นผู้ประสานความสามัคคีในหมู่คณะ
- ปรับตนเองให้เข้ากับผู้อื่นได้ 
๗. ความรับผิดชอบ
นิยาม ความ มุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความผูกพันและละเอียดรอบคอบ ยอมรับผลการกระทำในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามความมุ่งหมาย อีกทั้งพยายามที่จะปรับปรุงการปฏิบัติหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้น การมีความสำนึกและการปฏิบัติหน้าที่ของตนทั้งที่เป็นภารกิจส่วนตัว ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และภารกิจทางสังคมโดยจะต้องกระทำจนบรรลุผลสำเร็จ ไม่หลีกเลี่ยงภาระดังกล่าว และยอมรับผลในการกระทำของตน 

ตัวอย่าง 
- ให้ความสามารถอย่างเต็มที่
- ยอมรับผลการกระทำของตน
- รู้หน้าที่ และกระทำหน้าที่เป็นอย่างดี
- เอาใจในการทำงาน 
๘. ความกตัญญูกตเวที
นิยาม ความ กตัญญู หมายถึง ความรู้สึกนึกในการอุปการะคุณ หรือ บุญคุณที่ผู้อื่นหรือสิ่งอื่นมีต่อตนเอง กตเทวี หมายถึง การแสดงออกเพื่อการตอบแทนบุญคุณ ความกตัญญูกตเวที หมายถึง การรู้บุญคุณและตอบแทนคุณต่อคนอื่นและสิ่งอื่นที่มีบุญคุณ 

ตัวอย่าง 
- แสดงความเคารพนับถือ ยกย่องเชิดชู ผู้มีพระคุณ
- ไม่ละทิ้งผู้มีพระคุณในคราวที่ผู้มีพระคุณเดือดร้อนลำบาก
- ไม่ประพฤติเหี้ยมโหดต่อสัตว์ที่มีบุญคุณ
- รักษาและสงวนทรัพยากรธรรมชาติ 
๙. ความประหยัด
นิยาม การ ใช้สิ่งทั้งหลายอย่างพอเหมาะพอควรเพื่อให้ได้ประโยชน์มากที่สุดการรู้จักใช้ รู้จักออมทรัพย์สิน เวลา ทรัพยากรทั้งส่วนตนและสังคมตามความจำเป็นให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด รวมทั้งการรู้จักดำรงชีวิตให้เหมาะสมกับสภาพฐานะความเป็นอยู่ส่วนตนและสังคม 

ตัวอย่าง 
- รู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ เหมาะกับสถานการณ์
- ใช้จ่ายทรัพย์เท่าที่จำเป็น สมควรแก่อัตภาพ
- รู้จักใช้ประโยชน์จากของเก่า
- รู้จักทำของใช้เอง
- ใช้และถนอมของใช้ และทรัพย์สินให้คงคุณค่า และประโยชน์ 
๑๐. ความรู้จักพอ
นิยาม การ ไม่โลภ ไม่หลง และการจัดการชีวิตของตนโดยสันโดษการพึงพอใจในสภาพที่ตนเองเป็นอยู่ และรู้จักดำรงชีวิตให้เหมาะสมกับสภาพฐานะความเป็นอยู่ของตนเอง การมีความระลึกและรู้สึกตัวอยู่เสมอ อันจะมีผลให้สามารถควบคุมตนเองให้พ้นจากการเป็นทาสของกิเลส 

ตัวอย่าง 
- พอใจสิ่งที่ตนเองมีอยู่
- รู้จักข่มความโลภ ความหลงผิด 
๑๑. ความมีสติสัมปชัญญะ
นิยาม การ ควบคุมตนเองให้มีความพร้อม มีสภาพตื่นตัว ฉับไวในการรับรู้ทางประสาทสัมผัส ในการตัดสินใจ และในการพฤติตนอย่างเหมาะสมบนพื้นฐานของการสำรวมรอบคอบและระมัดระวัง 

ตัวอย่าง 
- รู้ตัวตลอดเวลาว่าตนเองกำลังคิดและทำอะไร
- ตระหนักในข้อดีข้อเสียของพฤติกรรมของตน
- มีความฉับไวในการรับรู้สิ่งภายนอก
- เมื่อประสบปัญหาข้อยุ่งยาก ก็จะสามารถควบคุมอารมณ์และความคิดของตนให้มีความพร้อมที่จะแก้ปัญหา
- ยับยั้งการแสดงพฤติกรรมของตนได้ทัน ก่อนที่จะก่อให้เกิดผลเสียหายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
- ควบคุมตนเองไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย
- ระลึกตั้งมั่นในความถูกต้องดีงามอยู่เสมอ 
๑๒. ความมีระเบียบวินัย
นิยาม การ ควบคุมความประพฤติให้ถูกต้องและเหมาะสมกับจรรยา มารยาท ข้อบังคับ ข้อตกลง กฎหมาย และศีลธรรมการรู้จักควบคุมตนเองให้ประพฤติปฏิบัติตามข้อตกลง ข้อบังคับ ระเบียบแบบแผน และขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ย่อมนำมาซึ่งความสงบสุขในชีวิตของตน ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคมและประเทศชาติ 

ตัวอย่าง 
- ควบคุมจิตใจและอารมณ์ให้อยู่ในกรอบและระเบียบที่ดีงาม
- ควบคมและปรับปรุงกิริยาให้งดงาม เป็นระเบียบ สุภาพเหมาะกับ บุคคล โอกาส เวลา และสถานที่
- รักษาร่างกาย เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย เครื่องใช้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
- รักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถานที่ และปฏิบัติตามกฎ และข้อบังคับของสถานที่นั้น ๆ 
๑๓. ความยุติธรรม
นิยาม การปฏิบัติด้วยความเที่ยงตรง สอดคล้องกับความเป็นจริง และเหตุผลความเที่ยงธรรม ความชอบธรรม และความชอบด้วยเหตุผล 

ตัวอย่าง 
- ไม่เห็นผิดเป็นชอบ
- ไม่ลำเอียงเพราะความพอรักใคร่ โกธร เกลียด กลัว หลง 
๑๔. ความอดทนอดกลั้น
นิยาม ความ อดทน คือการกระทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ สม่ำเสมอเป็นระยะเวลานาน โดยไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรคทั้งปวง ความอดกลั้น คือ การรู้จักข่มใจในเวลาที่เผชิญกับเหตุการณ์ที่เย้ายวนทุกรูปแบบ อันจะทำให้ไม่เกิดความเสียหายหรือถลำลึกลงไปในความชั่วร้าย หรือความทุจริตทั้งปวง ความเข้มแข็ง ความบึกบึน ความหนักแน่นของจิตใจที่สามารถยืนหยัดต่อสู้การกระทบกระทั้งของสภาพการณ์และ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่แสดงอาการหวั่นไหวใด ๆ 

ตัวอย่าง 
- ไม่แสดงอาการเจ็บป่วย หรือทุรนทุรายต่อความเจ็บป่วย หรือต่อ ความลำบาก ตรากตรำ
- อดทนต่อความยากลำบาก ต่อคำเย้ยหยัน คำดูหมิ่น และคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นโดยไม่แสดงปฏิบัติโต้ตอบใด ๆ
- มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่ท้อแท้ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสภาพการณ์หรือเหตุการณ์ใด ๆ 
๑๕. ความเคารพนับถือผู้อื่น
นิยาม การ แสดงออกซึ่งกาย วาจา ใจ อันสุภาพอ่อนโยน การรู้จักสำรวม รู้จักการให้เกียรติผู้อื่นและให้เกียรติสิ่งที่ควรเคารพอย่างถูกต้องเหมาะ สมตามโอกาสและสถานการณ์ การเคารพในการแสดงออกทางความคิด คำพูดและการกระทำของผู้อื่น อันจะทำให้ตนเองมีใจที่เปิดกว้าง ไม่หมกมุ่นอยู่แต่ความติดของตนเอง เพราะในบางครั้งการที่ยึดติดอยู่เฉพาะแต่ความคิดของตนอย่างเดียวนั้นอาจจะ ผิดพลาด หรือมองปัญหาได้ไม่ทั่วถึง 

ตัวอย่าง 
- แสดงความสุภาพอ่อนโยน
- แสดงอากัปกิริยาสำรวมและสงบเสงี่ยม
- ยอมรับฟังคำแนะนำของผู้อื่นด้วยกิริยาอันสำรวม 
๑๖. ความไม่เห็นแก่ตัว
นิยาม การกระทำที่ไม่หวังประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่คำนึงถึงประโยชน์ของผู้อื่นและส่วนรวม 

ตัวอย่าง 
- ประพฤติตนเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
- ไม่ยึดถือเอาสาธารณสมบัติมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว 
๑๗. ความถ่อมตัว
นิยาม การวางตนอย่างเหมาะสม ไม่แสดงตนเหนือผู้อื่น 

ตัวอย่าง 
- ไม่คุยโวโอ้อวด
- ไม่เย่อหยิ่ง 
๑๘. ความกล้าทางคุณธรรม
นิยาม การ แสดงความกล้าในการคิด และกระทำแต่สิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสมความกล้าหาญที่จะคิด พูด และทำในสิ่งที่ตนคิดว่าถูกต้องทางจริยธรรมโดยไม่คำนึงว่าหากตนปฏิบัติตาม สิ่งนั้นแล้วตนเองจะได้รับประโยชน์ หรือเสียผลประโยชน์อะไรบ้าง หากแต่กระทำไปเพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และจะไม่กระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องแม้ว่ามันจะนำมาซึ่งผลประโยชน์มากมายมหาศาล ก็ตาม 

ตัวอย่าง 
- กล้าพูดความจริง
- กล้าเสียสละ
๑๙.ความเคารพตนเอง
นิยาม การ รู้รับและเชื่อมั่นในความรู้และขอบเขตความสามารถของตนการปฏิบัติตามความ ตั้งใจ หรือปณิธานของตนเองอย่างแน่วแน่ที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ และเป็นสิ่งที่พิจารณาแล้วว่าถูกทำนองคลองธรรมการมีความเชื่อมั่นในความ สามารถที่จะกระทำการใด ๆ ให้สำเร็จได้ด้วยตนเอง สามารถดำรงชีพอยู่ได้โดยราบรื่น ไม่เดือดร้อน สามารถหาปัจจัยที่จำเป็นในการดำรงชีพมาได้ด้วยความสามารถของตนเอง ไม่เป็นภาระให้ผู้อื่นต้องคอยอุปถัมภ์สงเคราะห์ 

ตัวอย่าง 
- รักศักดิ์ศรีของตน
- ไม่โกหกตนเองว่าตนเองเก่งเกินตัว
- ยอมรับขอบเขตความสามารถในการทำงานของตน




อ้างอิง : http://number1.igetweb.com/index.php?mo=3&art=374358

วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ระเบียบ

ระเบียบ
หมายถึง แบบแผนหรือข้อกำหนดที่วางไว้เป็นแนวทางให้สมาชิกในองค์กรหนึ่งๆ ปฏิบัติเพื่อความเรียบร้อยขององค์กรนั้น เช่น นักเรียนทุกคนต้องแต่งเครื่องแบบให้ถูกต้องตามระเบียบของโรงเรียน ข้าราชการและพนักงานทุกคน ระเบียบ เป็นข้อกำหนดในสังคมขององค์กรในการทำงาน และในการปฏิบัติตน 

จุดมุ่งหมาย
ให้นำไปปฏิบัติตน เพื่อให้เกิดความสงบสุข ความเรียบร้อย และความสวยงาม คนที่มีระเบียบ รู้จักระเบียบ และทำตนตามระเบียบจะเป็นคนที่มีความสุข เป็นที่ชื่นชมของคนอื่น และเป็นผู้ที่ทำให้สังคมเป็นสุข เช่น เขาเขียนหนังสือเป็นระเบียบดี เธอจัดวางข้าวของเป็นระเบียบ แสดงว่า เป็นคนที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี ทหารเดินแถวอย่างมีระเบียบดูงามตา ผู้ที่มางานจอดรถเข้าที่จอดเป็นระเบียบดีทุกคน


ความแตกต่างกันระหว่าง กฏ และ ระเบียบ
- กฏ  คือ ข้อบังคับ
- ระเบียบ  คือ  ข้อปฏิบัติ 

      กฎ  มีหลายความหมาย ความหมายหนึ่ง หมายถึง ข้อความหรือถ้อยคำที่บังคับให้ปฏิบัติตามการปฏิบัติตามอาจเป็นการให้กระทำ หรือไม่ให้กระทำก็ได้ อาจมีข้อกำหนดลงโทษผู้ที่ทำผิดกฎแต่การลงโทษจะหนักเบาขึ้นอยู่กับอำนาจของ ผู้ออกกฎ และการกระทำที่กำหนดเป็นกฎนั้น การทำผิดกฎอาจไม่ต้องรับโทษเลย หรือรับโทษสถานเบา เช่น การตัดสิทธิบางอย่าง หรืออาจรุนแรงถึงขั้นถูกประหารชีวิต ก็ได้ เช่น พ่อตั้งกฎไว้ว่าใครวิ่งบนเรือนจะถูกเคาะตาตุ่ม หอพักนี้มีกฎห้ามคนที่ไม่ได้พักอยู่ขึ้นชั้นบนและห้ามคนที่พักอยู่รับแขกใน ห้องของตน นักเรียนทุกคนต้องทำตามกฎของโรงเรียน คนที่ทำผิดกฎจะถูกลงโทษตามที่กำหนดไว้ การประกาศใช้กฎอัยการศึกก็เพื่อให้ทหารมีอำนาจปราบผู้ที่ก่อความไม่สงบให้ บ้านเมืองได้ในทันที คำว่า กฎ ตามความหมายนี้มีลักษณะเป็นข้อบังคับให้กระทำตาม จึงอาจใช้คำซ้อนว่า กฎข้อบังคับ คือ กฎที่ใช้บังคับ หรือเรียกว่า กฎเกณฑ์ หมายถึง กฎที่กำหนดไว้เป็นหลักหรือแนวทางให้ปฏิบัติตาม
      ระเบียบ หมาย ถึง แบบแผนหรือข้อกำหนดที่วางไว้เป็นแนวทางให้สมาชิกในองค์กรหนึ่งๆ ปฏิบัติเพื่อความเรียบร้อยขององค์กรนั้น เช่น นักเรียนทุกคนต้องแต่งเครื่องแบบให้ถูกต้องตามระเบียบของโรงเรียน ข้าราชการและพนักงานทุกคน ระเบียบ เป็นข้อกำหนดในสังคมขององค์กรในการทำงาน และในการปฏิบัติตน เพื่อให้เกิดความสงบสุข ความเรียบร้อย และความสวยงาม คนที่มีระเบียบ รู้จักระเบียบ และทำตนตามระเบียบจะเป็นคนที่มีความสุข เป็นที่ชื่นชมของคนอื่น และเป็นผู้ที่ทำให้สังคมเป็นสุข เช่น เขาเขียนหนังสือเป็นระเบียบดี เธอจัดวางข้าวของเป็นระเบียบ แสดงว่า เป็นคนที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี ทหารเดินแถวอย่างมีระเบียบดูงามตา ผู้ที่มางานจอดรถเข้าที่จอดเป็นระเบียบดีทุกคน


โดย นส.จิราพัชร กันหา ชั้น พณ.3/12 เลขที่ 4